ซื้อก่อนเงินหมด! "ไมค์ ไทสัน" อดีตกำปั้นโลกหลังผ่านมรสุมชีวิตตกต่ำขีดสุด (ภาพ)

ซื้อก่อนเงินหมด! "ไมค์ ไทสัน" อดีตกำปั้นโลกหลังผ่านมรสุมชีวิตตกต่ำขีดสุด (ภาพ)

ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปีเรื่องราวของ “มฤตยูดำ” ไมค์ ไทสัน อดีตกำปั้นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 3 สถาบัน ที่ชีวิตมีขึ้นมีลงแบบสุดกู่ไม่ว่าจะเป็นการต้องติดคุก ชีวิตติดลบโดนฟ้องล้มละลาย หรือการกลับมาทำธุรกิจกัญชาจนกลับมาได้ ถือเป็นบทเรียนให้กับใครหลายต่อหลายคนทั่วโลก

ซึ่งหนึ่งในบรรดาสินทรัพย์ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ อดีตแชมป์โลกวัย 57 ปี ก็คือบ้านใน ลาส เวกัส มูลค่า 2.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 88 ล้านบาท) ที่เจ้าตัวซื้อไว้เมื่อปี 2015 หลังจากที่พ้นการถูกฟ้องล้มละลาย

miker3344
โดยคฤหาสน์หลังนี้มีขนาด 8,149 ตารางฟุต ความสูง 2 ชั้น ตั้งอยู่ในเมืองเฮนเดอร์สัน, รัฐเนวาดา ถือว่าใหญ่กว่าบ้านหลังเก่าของเจ้าตัวที่เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ The Hangover อันลือลั่นมาแล้วนั่นเอง และถือเป็นจุดเริ่มต้นความรุ่งโรจน์อีกครั้งของเจ้าตัว

ภายในเนื้อที่ดังกล่าวต้องบอกว่าเพียบพร้อมสำหรับความสะดวกสบาย ประกอบด้วย 6 ห้องนอน, ห้องครัวขนาดใหญ่, ห้องนั่งเล่น, เตาผิงกลางแจ้ง, บ่อน้ำพุ และสระว่ายน้ำยาวบริเวณหน้าบ้านสไตล์รีสอร์ท ซึ่งในส่วนของห้องนอนใหญ่ต้องบอกว่ามันหรูหราเอาเรื่องด้วยสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวภายนอก

miker334444
นอกจากนี้พื้นที่รอบตัวบ้านยังมีสนามกอล์ฟชื่อดังอย่าง Seven Hills ที่จะให้บริการแบบส่วนตัวสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณหมู่บ้านนี้เท่านั้น การเดินทางก็ไม่ไกลจากย่านลาส เวกัส โดยใช้เวลาประมาณเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งแน่นอนมูลค่าของคฤหาสน์ในปัจจุบันมันเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนแน่นอน

58409201_187312872254511_5228
สำหรับ  “มฤตยูดำ” ไมค์ ไทสัน อดีตกำปั้นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 3 สถาบัน (WBA, WBC และ IBF) มีสถิติการชก 58 ไฟต์ เป็นการชนะ 50 ครั้ง ชนะน็อก 44 ครั้ง แพ้ 6 และไม่มีการตัดสิน 2 ครั้ง ก่อนตัดสินใจอำลาสังเวียนเมื่อปี 2005 ซึ่งตลอดเส้นทางกำปั้นมีรายงานว่าเจ้าตัวทำเงินไปได้มากถึง 400 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท)

ซึ่งปัจจุบันหลังผ่านเรื่องร้ายในชีวิตเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงิน อดีตกำปั้นวัย 55 ปี หันมาจับธุรกิจปลูกกัญชากว่า 100 ไร่ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งวงในเผยว่าแผนการตลาดของเจ้าตัวนั้นมีมากมายเหลือเกิน และคาดว่าจะสามารถทำเงินจากธุรกิจนี้ได้มากถึง 1 ล้านเหรียญต่อเดือน (ประมาณ 35 ล้านบาท) เลยทีเดียว