เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของ "นัตตี้" กัณยาวีธ์ มณีสมบัติกุล นักยิงธนูทีมชาติไทย

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของ "นัตตี้" กัณยาวีธ์ มณีสมบัติกุล นักยิงธนูทีมชาติไทย

“ตอนเด็ก ๆ หนูไม่เคยขึ้นเครื่องบิน เลยมีเป้าหมายว่าอยากจะขึ้นให้ได้ เวลาตัวเองไปส่งพี่ชายที่สนามบิน ก็จะเจอพี่ ๆ คณะนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ใส่ชุดสูทไปแข่งในนามทีมชาติ ตอนนั้นบอกกับตัวเองว่า ถ้าไม่ติดทีมชาติก็จะไม่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกที่จะขึ้นเครื่องบิน จะต้องได้ขึ้นในนามทีมชาติไทย”

“พอได้ติดทีมชาติไทย รู้สึกภูมิใจมาก ๆ มันเป็นฝันที่รอคอยมานาน ส่วนเอเชียนเกมส์ครั้งแรกของตัวเอง ถือว่าเกินคาด เพราะมันเป็นมหกรรมกีฬาใหญ่ หลายคนอาจมองว่าเป็นการแข่งขันแค่ในทวีปเอเชีย แต่อย่าลืมว่า นักกีฬาตัวท็อประดับโลกมาจากเอเชียเยอะมาก ทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ไต้หวัน เป็นต้น”

คำว่า “นักกีฬาทีมชาติ” คือหนึ่งในความฝันของนักกีฬาทุกคน รวมทั้ง “นัตตี้” กัณยาวีธ์ มณีสมบัติกุล นักกีฬายิงธนูทีมชาติไทย อย่างไรก็ตามการมีแค่แรงจูงใจอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องมีความพร้อมทั้งกาย และ ใจ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นก่อนแข่ง หรือ หลังแข่ง เหนือสิ่งอื่นใด การดูแลร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะการวอร์มอัพ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ

การอบอุ่นร่างกาย หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “วอร์มอัพ” ช่วยลดปัญหาอาการบาดเจ็บได้อย่างดีเยี่ยม สามารถทำได้อย่างน้อย 10-20 นาทีขึ้นไป เช่นเดียวกับกีฬายิงธนู ที่แม้จะไม่มีการปะทะกับคู่แข่ง แต่ต้องใช้ร่างกายมากพอสมควร ซึ่ง “นัตตี้” กัณยาวีธ์ ดีกรีเหรียญทองประเภททีม กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 และ 31 เล่าให้ฟังว่า การวอร์มอัพเป็นสิ่งที่ตัวเองเน้นมากที่สุด 

“ก่อนวอร์มอัพหนูจะดื่มน้ำให้เยอะ ๆ เพื่อให้ระบบในร่างกายไหลเวียนดี เพราะกีฬายิงธนูต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา” “นัตตี้” เริ่มเล่า

 “การวอร์มอัพเป็นสิ่งสำคัญมาก มันช่วยลดอาการบาดเจ็บ และทำให้ร่างกายพร้อมอยู่ตลอดเวลา หลาย ๆ คนเกือบ 100% เข้าใจว่ากีฬายิงธนูฝึกซ้อมแปปเดียว แต่จริง ๆ แล้วใช้เวลาซ้อมยาวมาก เหนื่อยจริง ๆ หนูจะเริ่มซ้อมตั้งแต่ 9 โมง – 11 โมงครึ่ง พักเที่ยงถึงบ่ายโมง และซ้อมต่อถึง 4 โมงเย็น ก่อนจะเข้ายิมเวทเทรนนิ่งถึง 5 โมงเย็น”

 “วันหยุดก็จะนอนชอบพักผ่อนเป็นหลัก เพราะเราใช้เวลาทุ่มเทเยอะมากกับการฝึกซ้อม มีแค่วันอาทิตย์ที่จะอยู่กับครอบครัวเต็มวัน เพื่อที่จะเตรียมร่างกายให้พร้อม ก่อนเตรียมฝึกซ้อมในวันจันทร์”

นอกจากการอบอุ่นร่างกายจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักกีฬาแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายที่ทุกคนต่างต้องการมากที่สุด นั่นคือ “ชัยชนะ” ต่อให้เป็นการแข่งขันแบบไหนก็ตาม 6 ข้อนี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จ คว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด

1. ร่างกายที่พร้อมอยู่เสมอ 

หากมีร่างกายที่พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อถึงเวลาแข่งขัน ก็จะแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะร่างกายดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

 2. ทักษะอันยอดเยี่ยม

การมีทักษะดี ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก เช่น ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ที่แม้จะมีรูปร่างที่เล็ก แต่ก็มีทักษะส่วนตัวอันยอดเยี่ยมในการเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

3. ทีมเวิร์คระหว่างโค้ช และ นักกีฬา

ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เกิดขึ้นระหว่างโค้ช และ นักกีฬา หากคุณอยู่สโมสรฟุตบอลทีมใหญ่ แต่กลับไม่มีใครเชื่อฟังแท็คติก การวางแผนของโค้ช โอกาสประสบความสำเร็จคงเกิดขึ้นได้ยาก  

4. สภาพจิตใจนักกีฬา
หากไม่มี “จิตใจ” ที่แข็งแกร่ง หรือแบกความกังวลต่าง ๆ บางครั้งศักยภาพที่เคยทำได้ ก็อาจจะทำไม่ได้ เพียงแค่จิตใจที่ไขว้เขวเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถส่งผลต่อการแข่งขันได้เช่นกัน  

5. สภาพแวดล้อมการแข่งขัน 
สภาพแวดล้อมเป็นส่วนสำคัญอยู่ไม่น้อย เช่น สภาพอากาศ หากนักกีฬาไม่เคยเจอมาก่อน ก็อาจส่งผลถึงระบบหายใจ การเคลื่อนไหว และ การตอบสนองของร่างกาย

6.โภชนาการที่ดี

รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกทานอาหารที่มีโปรตีนเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ส่วนเครื่องดื่มให้เลือกประเภทน้ำผลไม้ ซึ่งบางครั้งที่เราทานอาหารเยอะ หรือ เร็วเกินไป ก็จะมีอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ ไม่สามารถซ้อมได้อย่างเต็มที่ แต่ผลิตภัณฑ์ air-x ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ทุก ๆ คน สามารถพกติดตัวได้เสมอ

 ขณะเดียวกัน การเป็นนักกีฬาต้องซ้อมอย่างหนัก และสูญเสียพลังงานไปมาก จึงต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายฟิตสมบูรณ์อย่างเร็วที่สุด โดยเราขอแบ่งออกเป็น 3 ช่วงดังนี้

 ช่วงที่ 1 : ช่วงก่อนออกกำลังกาย
ควรรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เน้นคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก ได้แก่ ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว หรือถ้าเป็นกลุ่มเนื้อสัตว์ แนะนำเป็น อกไก่ต้ม ปลานึ่ง ทูน่า ที่มีไขมันต่ำ ส่วนผลไม้สามารถทานกล้วย และ แอปเปิ้ล ได้เช่นกัน

ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ส้มตำ และผักทุกชนิด เพราะมีใยอาหารสูง ย่อยยาก และอาจทำให้เกิดท้องเสียได้ 

ช่วงที่ 2 : ช่วงระหว่างออกกำลังกาย
เมื่อออกกำลังกายต่อเนื่องเกิน 1 ชั่วโมง พลังงานในร่างกายก็จะลดลง ทำให้ต้องเติมพลังงานด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ Energy Gel หรือที่รู้จักกันในชื่อ เจลคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ควรดื่มน้ำทุก ๆ 10-15 นาที ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ นม และ อาหารที่เป็นของแข็ง
 

ช่วงที่ 3 : ช่วงหลังออกกำลังกาย
เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการโปรตีนอย่างมาก เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แบ่งย่อยออกอีกเป็น 2 ช่วงดังนี้

ภายใน 30 นาทีแรกหลังออกกำลังกาย
อาหารที่ควรรับประทาน ได้แก่ อกไก่ แซนวิซทูน่า ซาลาเปาหมูแดง ขนมปังหมูหยอง นมขาดมันเนย เป็นต้น ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารที่มีไขมันสูง และ อาหารทอด

หลังออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง
อาหารที่ควรรับประทาน ได้แก่ แซนวิชทูน่า/อกไก่ ข้าวและกับข้าว เช่น ปลานึ่ง หมูรวนซีอิ๊ว หรือ ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารประเภททอด ขนมขบเคี้ยว หรือนมจืดไขมัน

นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว การมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ พยายามพัฒนาทักษะต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป เล่นให้สนุกในทุก ๆ ครั้ง อยู่กับปัจจุบัน ไม่จมปลักกับอดีต ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน

กัณยาวีธ์ พูดถึงประเด็นนี้ว่า “แม้ยิงธนู จะเป็นกีฬาที่ต้องต่อสู้กับตัวเอง แต่เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องการฝึกซ้อม และ โฟกัสให้ตัวเองมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา หนูจะไม่กดดันตัวเอง สนุกกับการเล่นทุก ๆ ครั้ง มองถึงปัจจุบันเป็นหลัก”

 แน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุดของ กัณยาวีธ์ มณีสมบัติกุล ที่เคยพูดกับครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก คือ การได้ขึ้นเครื่องบินในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย วันนี้ความฝันของเธอเป็นจริงแล้ว กัณยาวีธ์ผ่านการเดินทางที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมาอย่างมากมาย และเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึง 8 ตุลาคมนี้ จะเป็นอีกหนึ่งเที่ยวบินที่เธอเฝ้ารอ เพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับพี่น้องชาวไทย

 “เอเชียนเกมส์ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 สภาพความพร้อมถือว่าดีกว่าครั้งแรก โดยเฉพาะความฟิตของร่างกายที่เน้นเวทเทรนนิ่งเป็นพิเศษ พยายามไม่กดดันตัวเอง เล่นให้สนุก จะทำผลงานให้ดีที่สุด และคว้าเหรียญรางวัลกลับมาฝากคนไทยทุกคนให้ได้” โรบินฮู้ดสาวไทย กล่าวปิดท้ายด้วยความมั่นใจ