พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
วันที่ 20 สิงหาคม 2023
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 เชลซี
สนาม : ลอนดอน สเตเดี้ยม
หน้าทื่อทำพัง
ต้องหยิบยืมพาดหัวจากซีซั่นก่อนมาใช้อีกครั้ง เมื่อชัดเจนว่าเกมนี้ เชลซี มีโอกาสจะกลับออกไปพร้อมชัยชนะ โดยเฉพาะการที่น่าได้สกอร์แซงนำ 2-1 เป็นอย่างยิ่งในช่วงก่อนจบครึ่งแรก แต่ปรากฏว่า เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (ที่เป็นมือสังหารสมัยอยู่ ริเวอร์เพลท และเคยยิงเข้า 5 ครั้ง) กดไปติดเซฟ อัลฟงส์ อเรโอล่า ง่ายๆ
การที่ครึ่งแรกจบที่ 1-1 ทำให้โมเมนตั้มไปอยู่กับทาง เวสต์แฮม ทันทีว่าผ่านครึ่งแรกไปแบบไม่เพลี่ยงพล้ำ และมีกำลังใจเต็มที่ในการบดเกมเข้าใส่ตามเสียงเชียร์ปลุกเร้า
พลาดจุดโทษคือประเด็นหนึ่ง และการที่จบไม่ลง ทำได้แค่ประตูเดียวจากโอกาสยิงทั้งหมด 15 ครั้ง (ตรงกรอบ 3) ก็คืออีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ทำให้ เชลซี พลาดท่าแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ ของซีซั่นนี้
ปัญหาหอกเป้ายังไม่ถูกสะสาง
ตั้งแต่เกมแรกที่เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 ก็มีสัญญาณให้เห็นแล้วว่า ชั้นเชิงและคุณภาพของ นิโคลัส แจ๊คสัน ยังไม่อยู่ในจุดที่สามารถพึ่งพาได้ แล้วก็มาถึงเกมนี้ที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเปลือบแบบไม่ปิดบัง ว่าก็ยังไม่ใช่คนที่ เชลซี จะพึ่งพาได้จริงๆ นั่นแหละ
อาจมีความเร็ว คล่องแคล่ว สร้างความวูบวาบและแรงกดดันต่อเกมรับ เวสต์แฮม ได้ รวมถึงเป็นคนที่เรียกเหลืองแดงให้กับ นาเยฟ อาแกร์ด ในครึ่งหลัง แต่สิ่งสำคัญสุดของคนเป็น “หน้าเป้า” อย่างการใช้โอกาสไม่เปลือง ปิดสกอร์ให้ได้จากจังหวะที่มี อดีตแข้ง บียาร์เรอัล สอบตกอย่างสิ้นเชิง
ถ้าอีกสัก 2-3 นัดยังเล่นได้แค่นี้ เรียก โรเมลู ลูกากู กลับมาดีกว่า
เกรงคู่แข่งเกินไปนิด
ถัดจากผลเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 เกมเปิดสนามสัปดาห์ก่อน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ยังคงยึด 11 คนเดิมภายใต้ระบบ 3-4-2-1 สำหรับเกมนี้ เปลี่ยนแค่ มาโล กุสโต้ แทน รีซ เจมส์ ที่บาดเจ็บ
ระบบ 3-4-2-1 ที่เมื่อต้องตั้งรับ วิงแบ็กสองข้างจะถอยร่นลงเต็มพื้นที่ และทำให้หลังบ้าน เชลซี มีแผงแนวรับ 5 คนนั่นแหละ
เซนเตอร์แบ็ก 3 คน รับมือกับหน้าเป้าอย่าง มิเคล อันโตนิโอ คนเดียว (และตัวสอดประสานอย่าง จาร์ร็อด โบเว่น, ซาอิด เบนราห์ม่า หรือ ลูคัส ปาเกต้า) ก็ดูว่าจะเป็นการเล่นที่ “หวั่นเกรง” เจ้าถิ่นมากไปนิด โดยเฉพาะครึ่งแรกที่ เชลซี ครองบอลได้มากกว่าชัด เดินเกมรุกใส่เป็นส่วนมาก ถ้าลดหลังบ้านเหลือแค่คู่เซนเตอร์ แล้วเติมตัวรุกเพิ่มไปอีกสักคน ไม่แน่ว่าสกอร์ก็อาจต่างไปจากนี้
ประเดิมด้วยฝันร้าย
แต่คนที่คงนอนฝันร้ายไปอีกหลายคืนหลังจบเกมนี้ ก็คงเป็น มอยเซส ไคเซโด้ เจ้าของค่าตัว 100+15 ล้านปอนด์ นั่นเอง
ถูกส่งลงสำรองแทน เบน ชิลเวลล์ ครึ่งชั่วโมงท้าย ด้วยความหวังว่าจะได้ “เห็นอะไรดีๆ” จากเจ้าของรางวัลนักเตะแห่งปี ไบรท์ตัน ซีซั่นก่อน แต่ปรากฏว่านอกจากไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรแล้ว ยังทำเสียจุดโทษตอนทดเจ็บอีกต่างหาก และ เชลซี ก็แพ้สบาย 1-3 ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม มีหลายเคสตัวอย่างมากที่ “เกมประเดิม” ปรากฏผลเลวร้ายเกินห้ามใจ แต่ก็ค่อยๆ พลิกกระดานกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาในภายหลัง
ก็หวังว่า ไคเซโด้ จะแข็งแกร่งและกล้าหาญมากพอจะเปลี่ยนความผิดพลาดนี้เป็นบทเรียน และก้าวข้ามไปได้ในที่สุด
2 นัด 1 แต้ม…แล้วไงต่อ
เริ่มต้น 2 เกมแรกด้วยการมี 1 แต้มถ้วน รั้งอันดับ 14 ของตาราง ทว่าหลังจากนี้ ถือว่าโปรแกรมค่อนข้างเอื้อให้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ พา เชลซี กู้ชื่อกลับมาได้ — อย่างที่เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนแล้วว่าบางที 2 นัดแรก 0 แต้ม เป็นไปได้ จากนั้นชนะรวดอีก 4-5 นัด ก็เป็นไปได้เช่นกัน
นี่คือโปรแกรมที่รออยู่เร็วๆ นี้ของ เชลซี
- 25/08 เหย้า ลูตัน ทาวน์
30/08 เหย้า วิมเบิลดัน (คาราบาว คัพ)
02/09 เหย้า ฟอเรสต์
17/09 เยือน บอร์นมัธ
23/09 เหย้า แอสตัน วิลล่า
02/10 เยือน ฟูแล่ม
อย่างน้อย 3 เกมลีกถัดไปอาจมี 9 แต้มเต็มได้ ถ้าเล่นกันแบบเน้นๆ หน่อย และข้างหน้าทำงานได้ดีกว่าที่เป็น