ก่อนที่ อาร์เซนอล รองแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซันที่ผ่านมาจะเดินหน้าทาบทาม ดีแคลน ไรซ์ ให้ย้ายเข้ามาเป็นนักเตะใหม่ของพวกเขาในช่วงซัมเมอร์นี้ เคยมีข่าวออกมาว่าอันที่จริงแล้วทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจากันเป็นที่เรียบร้อยและทุกอย่างก็เหลือเพียงการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น
แต่ข่าวลือมันก็คือข่าวลือ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการรอฟังการประกาศชูเสื้อและถ่ายรูปผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร นั่นคือสิ่งที่ชัดเจนที่สุด
ตัดกลับมาที่ความเป็นจริง ณ เส้นเวลาปัจจุบัน เดวิด ซัลลิแวน เจ้าของทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง ทอล์ก สปอร์ต เมื่อช่วงต้นเดือน โดยยืนยันว่า ไรซ์ จะอำลาสโมสรอย่างแน่นอนหลังจบนัดชิงชนะเลิศยูฟา ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก เพื่อทำตามความฝันในการลงเล่นในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในซีซันหน้า
เจ้าของทีมขุนค้อนยืนยันเรื่องนี้ชัดเจน โดยเขาบอกว่า ตนได้ทำสัญญาสุภาพบุรุษกับกัปตันทีมของเขาไปแล้ว และจะไม่ขวางทางเลยหากมีการยื่นข้อเสนอที่สมเหตุสมผลเข้ามา
นั่นหมายความว่าการย้ายทีมครั้งนี้ของ ไรซ์ จะมีเพียง 4 ทีมที่ได้สิทธิ์ไปเล่น UCL ที่จะได้ตัวเขาไป ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
และแน่นอนว่าในเวลานี้มีเพียง เดอะ กันเนอร์ส ที่ดูจะจริงจังกับดีลนี้เป็นอย่างมาก
กุนซือขุนค้อนอย่าง เดวิด มอยส์ เคยพูดถึงค่าตัวของ ไรซ์ เอาไว้เมื่อไม่กี่ปีก่อน โดยเขาเชื่อว่าด้วยฝีเท้าระดับนี้ทีมที่อยากจะได้ไปร่วมทีมต้องยอมจ่ายในระดับ 100 ล้านปอนด์
สำหรับ อาร์เซนอล อาจดูเป็นเงินมหาศาล แต่ด้วยศักยภาพของพวกเขา การหาทุนก้อนโตเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่ผ่านมาทีมของ มิเกล อาร์เตตา ก็ทุ่มเงินแบบบ้าคลั่งให้แฟนบอลตะลึงงันกันมาแล้วหลายครั้งเหมือนกัน
ดังนั้น จำนวนเงินระดับนี้จึงขึ้นอยู่กับการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นการเสนอเงินก้อนพร้อมโบนัส หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ เวสต์แฮม ได้ตัวเลขที่พวกเขาพอใจ หาก อาร์เซนอล ต้องการ ไรซ์ จริงๆก็ควรต้องทำ
ซึ่งคนที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดคือ เอดู ผู้อำนวยการกีฬาที่ฝากผลงานไว้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำงานของเขาคือส่วนสำคัญที่ทำให้ เดอะ กันเนอร์ส ยกระดับตัวเองขึ้นมาได้ในชั่วเวลาไม่กี่ปี
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลในบางแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานของผอ.ชาวบราซิเลียนคนนี้อยู่บ้าง ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือในเคสของ มิคายโล มูดรีก
หากจำกันได้ ปีกยูเครเนียนคือเป้าหมายของ อาร์เซนอล ในเดือนมกราคม และพวกเขาคือตัวเต็งในดีลนี้ชนิดที่ไม่มีใครอยากจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย ซึ่งจุดนี้เองทำให้ เอดู ประมาทเลินเล่อจนเสียโอกาสทองนี้ไป
ว่ากันว่าในการเจรจาครั้งนั้น อาร์เซนอล ซึ่งรู้ตัวว่าตนคือหนึ่งเดียวที่ มูดรีก จะย้ายมาร่วมทีมด้วยในตลาดหน้าหนาวพยายามที่จะต่อรองราคาจากที่เคยตั้งเอาไว้ในคราวแรก พูดง่ายๆว่ามีการเล่นแง่ขอลดราคาจากที่ตกลงกันไว้ จนท้ายที่สุด เมื่อ เชลซี ทราบความต้องการของ ชักตาร์ โดเน็ตส์ พวกเขาก็ทุ่มเงินเต็มจำนวนและปิดดีลได้ทันที
พลันที่ข่าวประกาศออกมาว่า มูดรีก จะย้ายมาสแตมฟอร์ด บริดจ์ แฟนบอลปืนโตต่างตกตะลึงและช็อกไปตามๆกัน เพราะพวกเขาแน่ใจแล้วว่ายังไงก็หนีไม่พ้นชายคาของเอมิเรตส์ สเตเดียม แน่ แต่สุดท้ายกลับต้องสูญเสียเป้าหมายระยะยาวรายนี้ไปต่อหน้าต่อตาแบบเจ็บปวด
และนั่นเป็นที่มาของการหันไปคว้า เลอันโดร ทรอสซาร์ มาจาก ไบรท์ตัน ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่ดีลที่แย่อะไร แต่เมื่อเทียบกับ มูดรีก แล้วมันไม่ได้เป็นไปตามแผนการณ์ที่ อาร์เตตา และ เอดู วางเอาไว้เลยด้วยซ้ำ
ยังมีเรื่องราวในทำนองนี้อีกมากมายที่เกิดกับ อาร์เซนอล ในตลาดซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นในกรณีของ หลุยส์ ซัวเรซ หรือ กอนซาโล อิกวาอิน และใครอีกหลายๆคน
ลองนึกภาพว่าหากนักเตะเหล่านี้อยู่ในความสนใจของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เชลซี พวกเขาคงใช้เวลาไม่นานในการเป็นข่าวและปิดจ็อบได้อย่างราบรื่นในอีกไม่กี่วันต่อมา ซึ่งผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่เอมิเรตส์ สเตเดียม
เอเยนต์บางคนถึงกับบอกว่า อาร์เซนอล คือตัวตลกในตลาดซื้อขาย ในขณะที่คู่แข่งเดินหน้าอย่างดุดัน เอาจริงเอาจัง และปิดการดำเนินการเป็นความลับได้เป็นอย่างดี ก่อนจะประกาศบรรลุเป้าหาย
ดังนั้น เมื่อมองมาที่ดีล ไรซ์ แล้ว เอดู และทีมงานจะต้องไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแล้วซ้ำรอยเล่าอีก พวกเขาต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เชลซี จะก้าวเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
แฟนบอลปืนโตส่วนใหญ่คงไม่ให้อภัย เอดู อย่างแน่นอนหากมันเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนในกรณีของ มูดรีก เมื่อช่วงเดือนมกราคม ทั้งๆที่นักเตะเองก็เปิดเผยแล้วว่าต้องการย้ายมาร่วมทีม และต้นสังกัดก็พร้อมปล่อยตัว
ไม่ว่าอย่างไร หากการเจรจาไม่เกินกรอบที่ทั้งสองฝ่ายกำหนด อาร์เซนอล ควรรีบปิดดีล ไรซ์ ให้ได้โดยเร็ว อย่ามัวชักช้าเสียเวลาหรือเล่นแง่เรื่องราคาเหมือนที่ผ่านมา
ลองนึกภาพดูว่าหาก อาร์เตต้า ได้ มูดรีก มาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม บางทีการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราเห็นก็ได้ ดังนั้น หากมองว่า ไรซ์ คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ ทุกฝ่ายที่เอมิเรตส์ สเตเดียม ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจบมันให้ได้
มิเช่นนั้น พวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตลกในตลาดซื้อขายเหมือนที่ถูกปรามาสไว้